![[[ ที่นี่ล้านนาดอทคอม ]]](image/logo.gif){kind=logo}
มฟล. แนะวิธีดูแลสุขภาพ ในสภาพหมอกควัน
2010-03-17 13:23| |
มฟล. แนะวิธีดูแลสุขภาพ ในสภาพหมอกควัน
เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2553
ที่มา : http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrview.aspx?NewsID=9530000036213
เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2553
ที่มา : http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrview.aspx?NewsID=9530000036213
สถานการณ์หมอกควันทางภาคเหนือมักเป็นปัญหาในทุกต้นปี อันเนื่องมาจากการเผาพื้นที่เกษตรกรรมจากประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงเกษตรกรบางกลุ่มด้วย ซึ่งผลกระทบที่ตามมา เกิดเป็นปัญหามลภาวะหมอกควันจากการเผาพื้นที่ดังกล่าว ปกคลุมไปทั่วทั้งจังหวัดทางภาคเหนือ กลายเป็นปัญหาสุขภาพทางเดินหายใจ และการใช้ชีวิตประจำวันของคนทั่วไป
สำหรับในพื้นที่เหนือสุดของประเทศไทยอย่างจังหวัดเชียงรายนั้น จากสถานการณ์ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่า สภาพหมอกควันในอากาศของจังหวัดเชียงราย มีปริมาณความหนาแน่นเกินค่ามาตรฐาน 120 ไมโครกรัมต่อ 1 ลูกบาศก์เมตร สามารถวัดค่าเฉลี่ยล่าสุดจากเครื่องตรวจวัดคุณภาพอากาศในเขตเทศบาลนครเชียงราย ได้สูงถึง 213 ไมโครกรัม ต่อ 1 ลูกบาศก์เมตร และบริเวณหน้าสาธารณสุข อ.แม่สาย ติดกับแนวชายแดนไทย-พม่า วัดได้ที่ 281.1 ไมโครกรัม ต่อ 1 ลูกบาศก์เมตร ถือว่ามีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีผู้ป่วยเกี่ยวกับทางเดินหายใจจำนวนมาก
เนื่องจากละอองถ่าน (คาร์บอน) ใน หมอกควัน เมื่อสัมผัสกับน้ำตาหรือน้ำของเหลวในระบบหายใจ จะกลายเป็น กรดคาร์บอนิกอ่อนๆ มีฤทธิ์ในการกัดกร่อน ระคายเคือง ทำให้ เกิดอาการ แสบตา เคืองตา น้ำตาไหล และเกิดอาการอักเสบได้ รวมทั้ง ในช่องคอและช่องจมูกด้วยเช่นกัน เมื่อหายใจเข้าสู่หลอดลมและปอด ก็ทำให้เกิดหลอดลมอักเสบหรือปอดอักเสบตามมาได้ ผู้มีปัญหาทางระบบหายใจอยู่แล้ว เช่น มีโรคประจำตัว ภูมิแพ้ หอบหืด อาจทำให้ อาการกำเริบขึ้นมาได้ ออกซิเจนเข้าสู่ปอดน้อยลง จะหายใจเพิ่มขึ้น หรือ เกิดอาการหอบเหนื่อยได้
โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง แนะวิธีป้องกันจากปัญหาดังกล่าว ให้สวมอุปกรณ์ ป้องกัน ละอองหมอกควัน เข้าสู่ทางเดินหายใจ ได้แก่ ใช้ผ้าสะอาดหรือหน้ากากอนามัย ปิดปากและจมูก เมื่อต้องสัมผัส ละอองหมอกควัน ระหว่างขับขี่มอเตอร์ไซด์ นอกจากสวมหน้ากากอนามัย ให้สวมแว่นตาป้องกันฝุ่นละอองหมอกควันเข้าสัมผัส ดวงตา และทางเดินหายใจ เมื่ออยู่ในบ้าน หากมีหมอกควันเข้าถึงจำนวนมาก ให้เปิดพัดลมระบายออกไป และปิดหน้าต่างไม่ให้หมอกควันใหม่เข้าสู่ภายในบ้าน
ส่วนการรักษาพยาบาลเบื้องต้น เมื่อมีอาการแสบตาเคืองตา ให้ลืมตาในน้ำสะอาดเพื่อลดสิ่งระคายเคือง หากเปลือกตาหรือดวงตา มีอาการแดงอักเสบ ปวดมาก หรือมีอาการแสบร้อนในช่องจมูก ช่องคอ มีน้ำมูกหรือเสมหะมาก ไอบ่อย อาจเกิด คอ จมูกอักเสบ หลอดลมอักเสบได้ ให้รับการรักษาที่สถานบริการพยาบาล สำหรับผู้มีโรคประจำตัว ภูมิแพ้ หอบหืด ให้ระมัดระวัง หากเริ่มมีอาการให้รีบพบแพทย์ทันที เพื่อปรับขนาดยาหรือให้ยารับประทานเพิ่มเติม
ทั้งนี้ ผู้ได้รับผลกระทบจากภาวะหมอกควันดังกล่าว สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ฝ่ายส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง โทรศัพท์ 0-5391-7563
สำหรับในพื้นที่เหนือสุดของประเทศไทยอย่างจังหวัดเชียงรายนั้น จากสถานการณ์ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่า สภาพหมอกควันในอากาศของจังหวัดเชียงราย มีปริมาณความหนาแน่นเกินค่ามาตรฐาน 120 ไมโครกรัมต่อ 1 ลูกบาศก์เมตร สามารถวัดค่าเฉลี่ยล่าสุดจากเครื่องตรวจวัดคุณภาพอากาศในเขตเทศบาลนครเชียงราย ได้สูงถึง 213 ไมโครกรัม ต่อ 1 ลูกบาศก์เมตร และบริเวณหน้าสาธารณสุข อ.แม่สาย ติดกับแนวชายแดนไทย-พม่า วัดได้ที่ 281.1 ไมโครกรัม ต่อ 1 ลูกบาศก์เมตร ถือว่ามีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีผู้ป่วยเกี่ยวกับทางเดินหายใจจำนวนมาก
เนื่องจากละอองถ่าน (คาร์บอน) ใน หมอกควัน เมื่อสัมผัสกับน้ำตาหรือน้ำของเหลวในระบบหายใจ จะกลายเป็น กรดคาร์บอนิกอ่อนๆ มีฤทธิ์ในการกัดกร่อน ระคายเคือง ทำให้ เกิดอาการ แสบตา เคืองตา น้ำตาไหล และเกิดอาการอักเสบได้ รวมทั้ง ในช่องคอและช่องจมูกด้วยเช่นกัน เมื่อหายใจเข้าสู่หลอดลมและปอด ก็ทำให้เกิดหลอดลมอักเสบหรือปอดอักเสบตามมาได้ ผู้มีปัญหาทางระบบหายใจอยู่แล้ว เช่น มีโรคประจำตัว ภูมิแพ้ หอบหืด อาจทำให้ อาการกำเริบขึ้นมาได้ ออกซิเจนเข้าสู่ปอดน้อยลง จะหายใจเพิ่มขึ้น หรือ เกิดอาการหอบเหนื่อยได้
โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง แนะวิธีป้องกันจากปัญหาดังกล่าว ให้สวมอุปกรณ์ ป้องกัน ละอองหมอกควัน เข้าสู่ทางเดินหายใจ ได้แก่ ใช้ผ้าสะอาดหรือหน้ากากอนามัย ปิดปากและจมูก เมื่อต้องสัมผัส ละอองหมอกควัน ระหว่างขับขี่มอเตอร์ไซด์ นอกจากสวมหน้ากากอนามัย ให้สวมแว่นตาป้องกันฝุ่นละอองหมอกควันเข้าสัมผัส ดวงตา และทางเดินหายใจ เมื่ออยู่ในบ้าน หากมีหมอกควันเข้าถึงจำนวนมาก ให้เปิดพัดลมระบายออกไป และปิดหน้าต่างไม่ให้หมอกควันใหม่เข้าสู่ภายในบ้าน
ส่วนการรักษาพยาบาลเบื้องต้น เมื่อมีอาการแสบตาเคืองตา ให้ลืมตาในน้ำสะอาดเพื่อลดสิ่งระคายเคือง หากเปลือกตาหรือดวงตา มีอาการแดงอักเสบ ปวดมาก หรือมีอาการแสบร้อนในช่องจมูก ช่องคอ มีน้ำมูกหรือเสมหะมาก ไอบ่อย อาจเกิด คอ จมูกอักเสบ หลอดลมอักเสบได้ ให้รับการรักษาที่สถานบริการพยาบาล สำหรับผู้มีโรคประจำตัว ภูมิแพ้ หอบหืด ให้ระมัดระวัง หากเริ่มมีอาการให้รีบพบแพทย์ทันที เพื่อปรับขนาดยาหรือให้ยารับประทานเพิ่มเติม
ทั้งนี้ ผู้ได้รับผลกระทบจากภาวะหมอกควันดังกล่าว สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ฝ่ายส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง โทรศัพท์ 0-5391-7563
ความเห็น