เข้าระบบ

ชื่อผู้ใช้

รหัสผ่าน

  ล ง ท ะ เ บี ย น  

thejeekung

thejeekung的บล๊อก

thejeekung的主頁 | ดูทั้งหมด

คุยเรื่องมังคุดกับเภสัชกรวิชา ตู้จินดา

2010-06-28 19:58
 
 

ถามตอบเรื่องมังคุด กับ เภสัชกรวิชา  ตู้จินดา

 

 

ถาม : อยากทราบว่าการรับประทานมังคุดสด กับการดื่มน้ำมังคุดแบบโฮลฟรุ๊ท แบบใดให้ผลดีต่อสุขภาพมากกว่ากัน

ตอบ : โดยปรกติแล้วการรับประทานผลไม้ทั่วๆไป ผลไม้สดให้รสชาติและสารอาหารตามธรรมชาติที่ดีกว่า  แต่เนื่องจากโดยปรกติเมื่อเราต้องการรับประทานมังคุดผลสด  เรามักไม่สามารถรับประทานเปลือกและเมล็ดของผลมังคุดได้เนื่องจากมีรสฝาดมากแต่ก็เต็มไปด้วยสารสำคัญที่ล้วนมีประโยชน์ต่อร่างกาย ในกรณีเช่นนี้การดื่มน้ำมังคุดที่ผลิตจากผลมังคุดทั้งลูกที่เรียกว่าน้ำมังคุดแบบโฮลฟรุ๊ท จะให้ผลดีต่อสุขภาพมากกว่าแน่นอนครับ

 

 

 

ถาม : เปลือกและเมล็ดมังคุดสามารถรับประทานได้หรือไม่
ตอบ : เปลือกและเมล็ดมังคุดสามารถรับประทานได้ครับ แต่ต้องผ่านกรรมวิธีการสกัดเอาความฝาดออกเสียก่อน เพื่อลดคุณสมบัติที่ไม่พึงประสงค์หลายอย่างครับ

 

 

ถาม : การดื่มน้ำมังคุด ช่วยให้ไม่แก่เร็ว ใช่หรือไม่

ตอบ : ในปัจจุบันนี้มีงานวิจัยจำนวนมากมายยืนยันว่าอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นจากการรับประทานอาหาร และจากสิ่งแวดล้อมเป็นพิษ รวมทั้งจากโรคบางชนิด เป็นสาเหตุสำคัญประการหนึ่งในการก่อให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควร หรือที่เรามักเรียกกันว่าอาการแก่เร็ว ซึ่งทำให้ผู้ที่มีอาการนี้สูญเสียความมั่นใจในตนเอง และสูญเสียคุณภาพชีวิตที่ดีที่ควรจะเป็นไปอย่างน่าเสียดาย ในน้ำมังคุดมีสารประกอบจากธรรมชาติที่ชื่อว่าแซนโทน (Xanthones) ที่สกัดจากผลมังคุดอยู่ในปริมาณมาก และสารแซนโทนนี้เองที่มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่สามารถยับยั้งการทำลายเซลล์ของอนุมูลอิสระ ที่มีประสิทธิภาพสูงมาก จนในต่างประเทศจัดให้สารประกอบแซนโทนนี้อยู่ในหมวดหมู่ของสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์สูงมาก (Super Anti-Oxidant) และการรับประทานสารประกอบแซนโทนอยู่อย่างสม่ำเสมอจึงสามารถช่วยลดริ้วรอยก่อนวัยอันควรที่เกิดจากสารอนุมูลอิสระได้

 

 

ถาม : มังคุดสามารถรักษาโรคมะเร็งได้จริงหรือไม่

ตอบ : มีนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกโดยเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกาได้สนใจทำการวิจัยสารสกัดจากเปลือกมังคุดเพื่อใช้ในการต้านเซลล์มะเร็ง เช่นมีการทดลองกับเซลล์มะเร็งต่อมลูกหมากซึ่งพบมากในชายสูงอายุ โดยทำการทดลองในหนูขาว ซึ่งการทดลองก็ให้ผลในการลดขนาดของเซลล์มะเร็งได้เป็นอย่างดี แต่ทั้งนี้ก็ยังไม่มีผลการทดลองทางคลีนิคในมนุษย์อย่างเป็นทางการ และในปัจจุบันก็ยังมีการทดลองในเรื่องนี้กับเซลล์มะเร็งชนิดอื่นๆอีกมาก แต่ถ้ามองในแง่ของการป้องกัน ผลที่ได้จากสารประกอบที่สกัดจากเปลือกมังคุดจะให้ผลที่ชัดเจนกว่า โดยสารสกัดจากเปลือกมังคุดมีผลโดยตรงในการลดปริมาณสารก่อมะเร็งในร่างกาย เช่นสารก่อมะเร็งกลุ่มเอมีน ซึ่งเป็นสารอนุมูลอิสระและเป็นตัวการก่อให้เกิดการเพิ่มขึ้นของสารอนุมูลอิสระในร่างกายคนเราด้วย

 

 

ถาม : การดื่มน้ำมังคุดป้องกันโรคใดได้บ้าง ?

ตอบ : โดยปรกติแล้ว น้ำที่สกัดจากมังคุดทั้งผลจะมีสารประกอบอยู่หลายกลุ่ม อาทิเช่น กลุ่มฟีนอลลิค คอมพาวด์ กลุ่มแซนโทน และ Cathecin ซึ่งสารเหล่านี้สามารถให้ผลที่ดีต่อร่างกายในการป้องกันโรคต่างๆ ดังนี้ครับ

 

1. กลุ่มอาการอักเสบช้ำบวมตามกล้ามเนื้อและข้อต่อต่างๆของร่างกาย นักวิทยาศาสตร์ทราบว่าสารประกอบแซนโทนในมังคุดมีฤทธิ์ในการยับยั้งเอนไซม์สองชนิดในร่างกาย คือ Cyclo-oxygenase 1 และ Cyclo-oxygenase 2 ซึ่งเอนไซม์ทั้งสองชนิดนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการอักเสบ ดังนั้นสารประกอบแซนโทนจึงสามารถลดสาเหตุที่ก่อให้เกิดการอักเสบได้และช่วยส่งเสริมการทำงานของข้อด้วย

 

2. กลุ่มอาการติดเชื้อทั่วไป เช่นเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อไวรัส โดยที่สารประกอบกลุ่มฟีนอลลิค คอมพาวด์ กลุ่มแซนโทนในน้ำมังคุดเนเจอร์แซน สามารถออกฤทธิ์ต่อเชื้อ Candidas เชื้อไวรัส และเชื้อแบคทีเรีย ไม่ให้มีการเจริญเติบโตและขยายตัวได้  ผลจากการที่สารประกอบจากธรรมชาติกลุ่มนี้สามารถออกฤทธิ์ต่อจุลชีพหลายกลุ่มที่แม้แต่ยาปฏิชีวนะ (ที่ถูกออกแบบให้ออกฤทธิ์กับแบคทีเรียเท่านั้น) ก็ไม่สามารถทำได้  ทำให้สารประกอบแซนโทนมีประโยชน์โดยตรงต่อผู้ป่วยด้วยโรคติดเชื้อ และการใช้สารประกอบแซนโทนก็สามารถช่วยลดอุบัติการณ์ของการดื้อยาได้

 

3. กลุ่มอาการของโรคต่างๆที่มีสาเหตุมาจากการทำลายเซลล์ของอนุมูลอิสระ การเสื่อมสภาพของเซลล์ผิวหนัง โดยสารประกอบแซนโทนสามารถลดอุบัติการณ์ของการการการทำลายนั้นๆได้

 

4. กลุ่มอาการแพ้ที่เกิดจากการกระตุ้นของสารภายนอก เช่น ฝุ่นละออง และควันเสีย ก็สามารถทำให้ลดลงได้จากคุณสมบัติของสารประกอบแซนโทนที่มีฤทธิ์เป็นสารต้านฮีสตามีน (Anti-Histamine) ทำให้ในขณะที่ร่างกายได้รับสารที่ทำให้เกิดอาการแพ้จากภายนอก และกำลังจะสร้างฮีสตามีนเพื่อต่อต้านกับสารภูมิแพ้ดังกล่าว สารประกอบแซนโทนจะทำให้ความสามารถในการเกิดปฏิกิริยาของฮีสตามีนลดน้อยลง และลดอาการของโรคภูมิแพ้เช่น น้ำมูกไหล น้ำตาไหล คัดจมูก และอาการต่างๆที่รบกวนระบบทางเดินหายใจ

 

ถาม : อนุมูลอิสระคืออะไร?

ตอบ : อนุมูลอิสระคือโมเลกุลอิออนที่มีอิเลกตรอนวงนอกที่ไม่เสถียร และไวต่อการเกิดปฏิกิริยา Oxidation และเกิดปฏิกิริยาต่อเนื่องทำให้เกิดการทำลายเซลล์ต่างๆของร่างกายอย่างมาก ทั้งนี้อนุมูลอิสระ (Free Radical) และ Reactive Oxygenspecies หรือ ROS โดยทั่วไปมักจะหมายถึงโมเลกุลที่มี Oxygen เป็นศูนย์กลาง เช่น Hydrogen peroxide (น้ำยาล้างแผล) H2O2

 

อนุมูลอิสระนั้นสามารถเกิดขึ้นได้เองจากการย่อยอาหารในร่างกาย เช่นการรับประทานอาหารบางชนิด (ของย่าง ของมันบางชนิด แอลกอฮอลล์) หรืออาจจะเกิดจากการอักเสบภายในร่างกาย และเรายังมีโอกาสในการได้รับอนุมูลอิสระจากสิ่งแวดล้อมภายนอกด้วย เช่นจากควันพิษ บุหรี่ สารเคมี รังสี และการติดเชื้อ

 

 

ถาม : ผลไม้ทุกชนิดมีสารต้านอนุมูลอิสระใช่หรือไม่?

ตอบ : ส่วนใหญ่จะมีครับ แต่ก็ขึ้นอยู่กับปริมาณและชนิดของสารต้านอนุมูลอิาระในผลไม้ชนิดนั้นๆ

 

 

ถาม : จริงหรือไม่ที่มีการกล่าวว่ามังคุดมีสารต้านอนุมูลอิสระมากที่สุดในบรรดาผลไม้ทั้งหมด?

ตอบ : จากการศึกษาและจากรายงานการวิจัยทั่วโลก พบว่าในผลมังคุดโดยเฉพาะในเปลือกและเมล็ดมังคุดมีสารต้านอนุมูลอิสระเกือบ 40 ชนิดในปริมาณที่สูงมาก และสารต้านอนุมูลอิสระที่วิจัยพบในผลมังคุดนี้ก็เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์แรงมาก โดยเรียกกันว่าเป็นสาร Super Anti-Oxidant

 

 

ถาม : สารประกอบกลุ่มแซนโทนตามธรรมชาตินั้น สามารถพบได้ในผลไม้เมืองร้อนใช่หรือไม่?

ตอบ : สารประกอบกลุ่มแซนโทน สามารถพบได้ในผลไม้เมืองร้อนมากกว่าผลไม้ในเขตอากาศอบอุ่นและเขตอากาศหนาว แต่ในเขตอากาศหนาวก็สามารถพบสารต้านอนุมูลอิสระในกลุ่มอื่นๆได้จากผลไม้ด้วยเช่นกัน เช่นจากผลมะเขือเทศ ผลไม้เบอรี่บางชนิดเป็นต้น

 

 

ถาม : ?เทคนิคการผลิตแบบโฮลฟรุ๊ท? ที่ใช้ในการผลิตน้ำมังคุด มีผลต่อสุขภาพผู้บริโภคอย่างไร?

ตอบ : เทคนิคการผลิตแบบโฮลฟรุ๊ทเป็นเทคนิคการผลิตเฉพาะที่ทางบริษัททาโกฟู้ดส์ อินดัสทรีจำกัด  เนื่องจากเทคนิคการผลิตแบบโฮลฟรุ๊ทถูกออกแบบให้สามารถควบคุมปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในผลมังคุด ให้คงอยู่ในผลิตภัณฑ์มากที่สุด แต่ยังคงรสชาติที่ดี อร่อยเหมือนรับประทานเนื้อมังคุดสด และเอนไซม์ต่างๆที่มีประโยชน์จะถูกทำลายในระหว่างกระบวนการผลิตน้อยมาก ทำให้ยังคงประสิทธิภาพ คุณภาพ และปริมาณของสารประกอบแซนโทนจากธรรมชาติ โดยในการดื่มแต่ละครั้งจะได้รับสารประกอบแซนโทนไม่ต่ำกว่า 30 มิลลิกรัมต่อผลิตภัณฑ์เนเจอร์แซน 60 มล.

 

 

ถาม : ผลิตภัณฑ์น้ำมังคุดสามารถเก็บไว้ได้นานเท่าใด?

ตอบ : แม้ว่าผลิตภัณฑ์น้ำมังคุดของเราไม่ได้ใส่วัตถุกันเสีย แต่ก็ผ่านการฆ่าเชื้ออย่างสมบูรณ์แล้วทุกขวด จึงสามารถเก็บได้ในอุณหภูมิปรกติได้นานถึง 1 ปี  และเมื่อมีการเปิดขวดแล้วก็สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้อีกราว 15-20 วัน  แต่หากมีการเปิดขวดแล้วและไม่ได้เก็บไว้ในตู้เย็นเป็นเวลานาน ก็มีความเสี่ยงที่ผลิตภัณฑ์จะเสียได้

 

 

ถาม : ปริมาณที่แนะนำในการดื่มน้ำมังคุดหนึ่งวันคือเท่าใด?

ตอบ : ปริมาณที่แนะนำในการดื่มคือครั้งละ 60 มล. หรือเท่ากับ 4 ช้อนโต๊ะ วันละ 1 ครั้ง โดยแนะนำให้ดื่มหลังมื้ออาหารครับ  จะเป็นหลังมื้ออาหารเช้าหรือมื้ออาหารไหนๆก็ได้  หลังจากเปิดขวดแล้วต้องเก็บไว้ในตู้เย็นนะครับเพราะว่าผลิตภัณฑ์ของเราจะไม่ไส่วัตถุกันเสีย  และเพื่อรสชาติที่ดีที่สุดควรจะดื่มในขณะเย็น แต่หากต้องการดื่มเพิ่ม จากการทดสอบผลิตภัณฑ์มีความปลอดภัยแม้เพิ่มขนาดการดื่มเป็น 4-5 เท่า

 

 

ถาม : การดื่มน้ำมังคุดจะต้องผสมเจือจางกับน้ำก่อนดื่มหรือไม่?

ตอบ : ไม่ต้องเจือจางครับ โดยตัวผลิตภัณฑ์นั้นถูกออกแบบมาให้มีรสชาติที่ดี เหมาะกับบุคคลทั่วไป ทุกเพศ ทุกวัย ไม่มีส่วนผสมของน้ำตาลและสารกันบูด จึงปลอดภัยและเหมาะกับผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานด้วย

 

 

ถาม : รสชาติของน้ำมังคุดแบบโฮลฟรุ๊ทเทคนิคเป็นอย่างไร?

ตอบ : รสชาติจะหวานหอม อมเปรี้ยวพอดีๆ และอาจจะมีรสขมเพียงเล็กน้อย หลังจากดื่มไปแล้วจะให้ความรู้สึกที่ชุ่มคอในทันที

 

 

ถาม : น้ำมังคุดเหมาะสำหรับดื่มได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ใช่หรือไม่?

ตอบ : ใช่ครับ น้ำมังคุดเหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัว แต่ในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบ ปกติไม่มีความเสี่ยงของอนุมูลอิสระ จึงไม่มีความจำเป็น

 

 

ถาม : ดื่มน้ำมังคุดแล้วทำให้อ้วนหรือไม่?

ตอบ : ไม่ทำให้อ้วนแน่นอนครับ เพราะในขนาดที่แนะนำให้รับประทานวันละ 60 มล. จะให้พลังงานเพียง 35 กิโลแคลลอรี่ ไม่มีไขมัน และยังมีงานวิจัยที่ชี้ชัดว่ามังคุดมีฤทธิ์ในการลดความอยากรับประทานอาหารด้วย

 

 

ถาม : สามารถดื่มน้ำมังคุดแทนอาหารมื้อเย็นเพื่อควบคุมน้ำหนักได้หรือไม่?

ตอบ : ผลิตภัณฑ์ไม่ได้ถูกออกแบบไว้สำหรับทดแทนอาหารเพราะไม่มีโปรตีน เกลือแร่ และวิตามิน แต่ถ้าต้องการลดความรู้สึกหิวและอยากรับประทานอาหาร อาจเพิ่มปริมาณในการรับประทานผลิตภณฑ์เนเจอร์แซนเป็น 120 มล. ก่อนมื้ออาหาร ซึ่งจะทำให้รับประทานอาหารมื้อนั้นได้ลดลง และช่วยในการควบคุมการรับประทานอาหารมื้อเย็นได้

 

http://www.lannabusiness.com/wb/viewtopic.php?t=173

http://www.lannabusiness.com/wb/viewtopic.php?t=174

แชร์ 5275 ดู | 0 ความเห็น

Footprints

ความเห็น